เทคนิคการเดาความหมายศัพท์
ในบางครั้งที่อ่านบทความภาษาอังกฤษ เราอาจพบกับคำศัพท์ใหม่ๆ
ที่เราไม่ทราบความหมาย พจนานุกรม (Dictionary) เป็นสิ่งที่จะช่วยเราได้ดีที่สุดและทำให้เราได้เรียนรู้คำใหม่นั้นๆ
ในการเปิดดูความหมายของคำศัพท์ในพจนานุกรม เราควรดูที่มาของคำศัพท์นั้นประกอบกับคำแปลด้วย
เพราะคำศัพท์ใหม่คำอื่นๆ อาจประกอบด้วย
รากศัพท์หรือที่มาของคำศัพท์เราจำได้จากคำศัพท์เก่าที่เราเคยเปิดพจนานุกรมดู แล้ว
ทำให้เราพอจะเดาความหมาย ได้คร่าวๆ หรืออาจจะถูกต้องเลยก็ได้
นอกจากนั้นเวลาเปิดพจนานุกรมเราควรดูการออกเสียงของคำศัพท์นั้นๆ ด้วย รวมถึงการเน้นเสียง
(Stress) ที่ถูกต้อง
เพราะมีบ่อยครั้งที่ลักษณะการออกเสียงไม่เป็นไปอย่างที่เราคาดไว้
ถ้าเราไม่มีพจนานุกรม เราก็คงต้องเดาความหมายคำศัพท์คำใหม่นั้นๆ
แต่เป็นการเดาอย่างมีหลักการ ซึ่งเราแบ่งออกเป็น 2
ขั้นตอนใหญ่ๆ ได้แก่
1. การเดาความหมายจากข้อความแวดล้อม (Context
clues)
ตัวอย่างเช่น Elvis Presley was afraid of being assassinated, and
he wore a bullet-proof vest, but he couldn't stay away from the crowds who
loved him.
จากประโยคข้างต้น ความหมายของคำว่า assassinate น่าจะหมายถึง
ฆ่า เพราะข้อความที่ตามมาบอกว่า เขาใส่เสื้อเกราะกันกระสุน ดังนั้นสิ่งที่ Elvis
Presleyกลัวก็น่าจะหมายถึงการถูกฆ่าหรือจากตัวอย่างเช่น
His sister is so indolent. She sleeps late and never does
chores unless yelled at.
คำว่า indolent น่าจะหมายความว่า ขี้เกียจ
เพราะจากประโยคที่ตามมาว่าเธอหลับดึกและไม่ทำงานบ้าน นอกจากจะถูกตะโกนสั่ง
2. การเดาคำศัพท์โดยดูจากคำเชื่อมที่บอกคำจำกัดความ หรือนิยาม (Definition)
คำเชื่อมเหล่านี้ ได้แก่
คำเชื่อมเหล่านี้ ได้แก่
to be be called
mean ( gled) called
to be know as refer
to
can be defined as can be
thought of
ตัวอย่างที่ 1
A body of
water surrounded by land is usually called a lake.
lake =
a body of water surrounded by land
ตัวแนะ = is called
ตัวอย่างที่ 2
A
committee may be defined as any group interacting in regard to a common purpose.
committee = any group interacting in regard to a common
purpose
ตัวแนะ = be defined as
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น